[1] [2] [3] [4] [5] [6] [7] [8]
วันแรกของวันที่เหลือ
วันนั้นเป็นแรกของวิชาๆหนึ่งของเทอมแรกของปีการศึกษา เสียงผู้คนเอะอะม่ะเทิ่งเดินวนไปวนมาอยู่หน้าประตูห้องเรียนมากมาย ผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่งเดินหิ้วเป้สีเหลืองสดขนาดใหญ่เดินมาที่หน้าประตู
"ประตูล็อค!"
(-_-" ) - เวร ไม่น่ามาเร็วเลย
หลังจากเดินวนไปวนมาอยู่รอบครึ่ง กว่าจะเจอเจ้าหน้าที่มาช่วยเปิดประตูเข้าห้องให้ "วันนี้คงเป็นวันแรกล่ะมั้ง ถึงมีเด็กมารอหน้าห้องเยอะขนาดนี้" ผมคิดในใจก่อนจะเดินก้าวยาวๆ ลงบันไดไปวางของที่โต๊ะสำหรับวิทยากร ห้องที่ทำการสอนเป็นห้อง slope ขนาดใหญ่กว่าที่คิด เก้าอี้แบบเลคเชอร์สีขาวสะอาด ยังเรียงเป็นระเบียบเรียบร้อย เด็กเริ่มทยอยเข้ามานั่งจับจองเก้าอี้เรื่อยๆเป็นกลุ่มๆ แต่จองแถวหลังสุด
(-_-") - คงกะว่าถ้าง่วงก็ชิ่งกันเลยซินะ
หลังจากรอเวลาจนได้ที่ นศ.ก็ยังมาไม่เต็มดี ถ้ามองในแง่ดีคงเพราะยังใหม่ต่อสถานศึกษา เลยยังหาห้องไม่เจอ (เท่าที่เช็คดูส่วนใหญ่ที่เรียนควรจะเป็นนศ.ปีหนึ่ง) เลยไม่ว่าอะไร รอได้ แต่ก็ตกลงเรื่องเวลากับเด็กไปก่อน เพราะไม่อยากให้เด็กติดนิสัยเลทไป เดี๋ยวต่อไปเกิดนัดหมายงานใหญ่ จะเสียหายเอาได้
อีกอย่างตัวผมเองตอนเป็นยังเป็นนักศึกษาอยู่ ก็เคยเจออาจารย์ผู้สอนที่มาเลทเป็นชม. ทำเอาเสียนัดที่วางแผนไว้ไปหลายครั้ง เลยไม่อยากจะให้เด็กต้องเจอตัวอย่างไม่ดีแบบนั้น แต่ดันมาเจอเด็กเลทแทน (-_-")
"เอาน่า ขำขำ..." (ปลอบใจตัวเองไปเรื่อย)
เริ่มต้นคาบแรกด้วยการกำหนดข้อตกลง อะไรเล็กๆน้อยๆกันก่อนจะเริ่มเกริ่นรายละเอียดของวิชา เท่าที่รู้คือเด็กส่วนใหญ่ที่ลงเรียนในคลาส จะเป็นเด็กที่มาจากสายศิลป์เสียเป็นส่วนใหญ่ หรือพูดง่ายๆไม่อยากจะเจออะไรคำนวณมากนัก และคงไม่ถนัดในวิชาในสาขาเทคโนโลยีนัก ก็เลยต้องระวังคำศัพท์ที่ออกเทคนิคมากไป และหนักไปทางปูพื้นให้เด็กมากพอสมควร ตลอดจนแนะนำวิธีการเข้าใช้เวบ ที่จะเป็นหลักในการกระจายข้อมูลกับ นศ.
มาถึงตอนนี้เด็กๆ เริ่มมานั่งกันเต็ม(ครึ่งหลัง) พอดีกับอาจารย์อีกคนก็ส่งข่าวมาบอกว่าให้รับนศ. เพิ่มหลังสอนจบคาบ เพราะมีเด็กต้องการจะลงวิชานี้ มากกว่าปริมาณที่เปิดไว้จำนวนมาก
พอประกาศเสร็จ ฝูงชนจากแถวหลังที่ไกลสุดก็ไหลลงมาเหมือนน้ำป่าไหลลงมากองแหมะอยู่ตรงหน้า (แถมมีมาเกาะที่ประตูข้างอีกต่างหาก)
(-_-" ) - น่ารักกันจริงๆ ตอนแรก ไม่เห็นจะมานั่งหน้าอย่างนี้เลย...
พอพูดๆๆๆ จนจบข้อตกลง และจะปล่อย
รังสีอำมหิตจากสายตาหลายร้อยคู่ก็พุ่งมาจนรู้สึกได้...
แค่สิ้นเสียงประกาศว่า ให้เด็กที่มีปัญหาเรื่องการลงทะเบียนมาข้างหน้าห้องเท่านั้นเอง !
ฝูงกระทิง เอ๊ย ฝูงเด็กจำนวนมากก็ไหลบ่าเข้ามา ดังฝูงชนกรูเข้าประตูคอนเสิร์ต ต่างกันแค่ ตรงประตูนั้นมีผมเปรียบเสมือนคนเก็บตั๋วเพียงคนเดียว (คิดๆแล้วสยองอยู่เลย)
ตัดฉาก...
"เฮ้ย ไหนแกว่ารับได้อีก 100 คนว่ะ นี่มันจะสามสี่ร้อยนะเว้ยยยย..."
เสียงผมกรอกลงในโทรศัพท์หาอาจารย์ตัวดี ที่ถอยหนีไปตีพุงสบายเฮแล้ว (พูดไปปาดเหงื่อไป)
ตอนนี้ฝูงเด็กล้อมกรอบผมอยู่ เกิดมาไม่เคยเจอเด็กรุมล้อมขนาดนี้ ถ้าพูดอะไรไม่ถูกใจ สงสัยจะโดนกระทืบตายคาโต๊ะเดี๋ยวนี้เลย
สถานการณ์ในตอนนั้น ผมมีสิทธิ์รับเด็กเพิ่มในคลาสในโควต้า 100 คน โดยการเซ็นใบรับสีฟ้าที่ทางทะเบียนรับรอง แต่เด็กยืนอยู่รอบผมประมาสามร้อยกว่าถึงสี่ร้อย (ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง)
ถ้ารับเซ็นมันตรงนั้นเลย ท่าทางจะไม่ยุติธรรมกับเด็กอีกหลายคนที่ยืนตาละห้อยอยู่ด้านหลัง หลังจากบังคับให้ต่อแถวเข้าคิว ก็ยังมีคนเอาเปรียบแอบแซงเอาเปรียบเพื่อนอีกนับร้อย
ผมตัดสินใจยกเลิกการรับเซ็นจากแถว เพราะรู้สึกว่าดูเป็นการไม่ค่อยยุติธรรมนัก แล้วก็เปลี่ยนแผนเป็น ให้เด็กได้ออกกำลังกาย+สมองกันสดๆเดี๋ยวนั้นเลย...
มาถามกันตอนนี้ สนุกมั๊ยครับกับวันแรกของวิชานี้ ?
หลังจากนั้นก็ได้ข้อสรุปเป็น ทางคณะยอมให้รับนศ.เพิ่มขึ้นอีก 100 คนรวมเบ็ดเสร็จทั้งหมดที่จะต้องมาอยู่ในความดูแลของผมประมาณ 700 คน (โอแม่เจ้า ! ตายแน่งานนี้)
แล้วทางทะเบียนก็ทำหน้ารับภาระการรับลงทะเบียน
ด้วยวิธีการสุดโหดของมหาลัยต่อไป...
ถึงวันนี้แล้ว คุณยังจำได้มั๊ยว่ารอดวันนั้นมากันได้ยังไง...
เสียงบ่นกันหนาหูมาก ว่าลำบาก
(แล้วทำไมไม่ไปลงวิชาอื่นหว่า... ?)
ตอนนั้นผมได้แต่หวังว่า พวกคุณจะตั้งใจเรียนในคาบได้สักครึ่ง
ของวินาทีที่โทรลงทะเบียนในวันนั้นนะครับ(ฮา)
[1] [2] [3] [4] [5] [6] [7] [8]
[1] [2] [3] [4] [5] [6] [7] [8]
อยากแสดงความคิดเห็นอะไรก็เชิญครับ
(^-^)(^-^)(^-^)(^-^)
by Rawin